แบตเตอรี่รถบรรทุก

ยี่ห้อไหนดี? วิธีเลือกซื้อแบตเตอรี่รถบรรทุก

1. ขนาดแบตเตอรี่ (Battery Size) – แบตเตอรี่รถบรรทุกมีหลายขนาด ตั้งแต่ขนาดเล็กสำหรับรถกระบะ ไปถึงแบตขนาดใหญ่สำหรับรถบรรทุกสิบล้อ การเลือกต้องดูจากขนาดช่องแบตเตอรี่ในรถ และสเปกของรถที่ระบุไว้ ไม่เลือกแบตขนาดเล็กหรือใหญ่เกิน เพราะอาจติดตั้งไม่ได้ หรือเหลือพื้นที่ว่างมากจนแบตเตอรี่เคลื่อนขณะขับขี่ ส่งผลเสียต่ออายุการใช้งานของแบตเตอรี่

2. ความจุแบตเตอรี่ (Battery Capacity) – มีหน่วยวัดเป็นแอมแปร์-ชั่วโมง (Ah) ทั่วไปรถบรรทุกที่ใช้งานหนัก ติดเครื่องปั่นไฟหรืออุปกรณ์ไฟฟ้ามาก ๆ ควรเลือกแบตที่มีความจุสูง เช่น 100-200 Ah ขึ้นไป แต่ถ้าเป็นรถบรรทุกที่วิ่งระยะสั้น ๆ ใช้งานไม่บ่อย ความจุ 60-90 Ah ก็พอครับ

สมมติรถบรรทุกคันหนึ่งมีค่ากระแสไฟที่ใช้ 10A และใช้งานต่อเนื่อง 8 ชั่วโมง ก็ควรเลือกแบตเตอรี่รถบรรทุกที่มีความจุอย่างน้อย 10A x 8h = 80Ah

3. ค่ากระแสสตาร์ท (Cold Cranking Amps: CCA) – CCA คือค่าบอกความสามารถของแบตเตอรี่ในการจ่ายกระแสไฟออกในช่วงสั้น ๆ เพื่อสตาร์ทเครื่องยนต์ในสภาพอากาศเย็น ยิ่งค่า CCA สูง ก็หมายความว่าแบตเตอรี่สามารถสตาร์ทรถได้ดีในอุณหภูมิต่ำ เช่น ตอนเช้ามืด

สำหรับแบตเตอรี่รถสิบล้อที่ติดเครื่องยนต์ดีเซลขนาดใหญ่ ควรเลือกแบตที่มีค่า CCA สูงกว่า 1,000A ขึ้นไป แต่สำหรับรถบรรทุกขนาดเล็กหรือรถกระบะ ค่า CCA ประมาณ 500-800A ก็พอต่อการสตาร์ทครับ แนะนำเลือกค่า CCA ให้สูงกว่าสเปกที่รถกำหนดเล็กน้อย จะช่วยให้สตาร์ทรถง่ายขึ้น ไม่เป็นการทำลายแบตเตอรี่

4. ชนิดของแบตเตอรี่ (Battery Type) – แบตเตอรี่รถบรรทุกที่ส่วนมากใช้กัน มี 2 แบบหลัก ๆ คือ แบตเตอรี่ชนิดตะกั่ว-กรด (Lead-acid) และแบตเตอรี่ลิเธียมไอออน (Lithium-ion) ควรเลือกประเภทแบตรถบรรทุกให้เหมาะกับการใช้

5. แบรนด์และการรับประกัน (Brand and Warranty) – สังเกตได้จากการรับประกันที่นาน ส่วนมากยี่ห้อแบตเตอรี่รถบรรทุกดี ๆ จะรับประกันนาน 12-24 เดือน ถือเป็นมาตรฐานอุตสาหกรรมทั่วไป แต่บางยี่ห้อ/บางรุ่นอาจให้ถึง 36-60 เดือน

ก่อนตัดสินใจซื้อแบตเตอรี่รถบรรทุก แนะนำควรตรวจสภาพแบตเตอรี่ให้ดี ว่าไม่มีรอยบุบ รั่วซึม หรือบวมเสียรูปทรง ขั้วแบตไม่มีสนิมหรือคราบสกปรกมากเกิน ฝาปิดแน่นหนา ไม่มีรอยแตกร้าว และมีวันที่ผลิตไม่เก่าเกินไปด้วย หวังว่าจะมีประโยชน์ครับ